'แม้หน้าเป็นแบบนี้ผมไม่เคยคิดชั่ว 'เปิดใจแท็กซี่ผู้ถูกเดียดฉันท์ ปลื้มปีติได้เข้าเฝ้าฯ พระเทพฯ

  • 11 พ.ค. 2563
  • 1058
หางาน,สมัครงาน,งาน,'แม้หน้าเป็นแบบนี้ผมไม่เคยคิดชั่ว 'เปิดใจแท็กซี่ผู้ถูกเดียดฉันท์ ปลื้มปีติได้เข้าเฝ้าฯ พระเทพฯ

หากคุณเดินทางไปไหนแล้วใครๆ ต่างมองด้วยท่าทีรังเกียจ คุณจะรู้สึกอย่างไร...? แต่ชายคนหัวใจแกร่งผู้นี้ต้องพบเจอเรื่องแบบนี้มายาวนานกว่า 45 ปี และทุกวันนี้ก็ยังพบเจออยู่ เนื่องจากอาชีพเขาไม่สามารถอยู่แต่ในบ้านได้

จากการแชร์ประสบการณ์ของผู้ใช้แท็กซี่รายหนึ่ง ที่พบชายหน้าตาผิดปกติ และเรื่องเล่าของเขา ทำให้ผู้โดยสารอยากจะช่วยเหลือ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ก็ได้ต่อสายพูดคุย ชายคนขับแท็กซี่ผู้ถูกรังเกียจเพียงเพราะหน้าตาไม่ปกติ แต่เนื้อแท้ในจิตใจงดงาม

นายสุบิน สามารถ หนุ่มใหญ่วัย 51 ปี ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตที่ผกผันให้ฟังว่า พื้นเพเป็นคน อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด เกิดวันที่ 19 ต.ค.2507 เดิมทีก็เป็นคนหน้าตาปกติ แต่ตอนอายุได้ 5 ขวบได้ไปเล่นกับเพื่อนๆ แล้วถูกเพื่อนทำร้ายจนฟันกรามหัก กระดูกโหนกแตก ก็ไปรักษาตัวแบบบ้านนอก แต่ไม่รู้ว่ารักษายังไงก็กลายมาเป็นแบบนี้ ข้างในมันจะโตขึ้นตามตัวเรา รักษาเท่าไรก็ไม่หายกระทั่งโตตามตัว โดยกระดูกมันงอกออกมา

 

นายสุบิน สามารถ หนุ่มใหญ่วัย 51 ปี

คนขับแท็กซี่สู้ชีวิต เล่าต่อว่า หลังจากเริ่มเป็นผู้ใหญ่ เข้าสู่วัย 30 เศษ ก็เริ่มออกมาหางานทำที่กรุงเทพฯ หลังจากได้ช่วยครอบครัวทำนาที่บ้านเกิด ซึ่งได้มาอาศัยอยู่กับญาติ เมื่อเริ่มออกไปสมัครงานที่ไหน...ก็ไม่มีใครเขารับ เขาบอกเห็นหน้าแล้วกลัว กระทั่งพยายามหาจนไปได้งานเป็นคนงานแบกข้าวสาร แต่ก็ทำไม่ไหว จึงไปสมัครงานเป็นคนขับสามล้อ ทีแรกเถ้าแก่เจ้าของรถตุ๊กตุ๊กเขาจะไม่รับ เพราะเขากลัวว่า "หน้าตาแบบนี้จะหาค่าเช่าให้ไม่ได้" แต่สุดท้ายก็รับ จากนั้นก็ได้มาขับแท็กซี่จนปัจจุบัน

โดนรังเกียจจนท้อ แต่นึกถึงสมเด็จพระเทพฯ ทำให้มีกำลังใจสู้ชีวิต

"โดนคนรังเกียจบ่อยๆ บางครั้งก็รู้สึกท้อ...ถึงกับน้ำตาไหล ผู้โดยสารบางคนโบกรถ เห็นหน้าเราก็ตกใจเดินหนี เจอแบบนี้บ่อยๆ และทุกวันนี้ก็ยังเจออยู่...แต่ก็พยายามคิดถึงพ่อหลวง คิดถึงสมเด็จพระเทพฯ เนื่องจากผมเคยไปรักษาที่ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลก ซึ่งโชคดีที่ผมได้รับการคัดเลือกให้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ 

 

ชายคนขับแท็กซี่ผู้ถูกรังเกียจเพียงเพราะหน้าตาไม่ปกติ แต่เนื้อแท้ในจิตใจงดงาม

นายสุบิน กล่าวต่อว่า จำได้ตอนผ่าตัดเพื่อรักษาหน้านั้น ทางแพทย์แจ้งว่า ต้องใช้เลือดไปถึง 21 กระปุก ในขณะที่ตัวเองกว่าจะฟื้นคืนสติ ต้องใช้เวลา ถึง 2 วัน กับ 1 คืน

"วันที่มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ สมเด็จพระเทพฯ วันนั้น ผมจำได้ดีว่าเป็นเดือนธันวาคม ปี พ.ศ.2551 สมเด็จพระเทพฯ ตรัสกับผมว่า "ถ้าผู้โดยสารมาใช้บริการเรา เราเป็นคนขับแท็กซี่ เราก็ต้องบริการเขาให้ดีนะ" สมเด็จพระเทพฯ ท่านทรงพยายามสอนผม ผมเองก็ระลึกถึงในหลวง และสมเด็จพระเทพฯ ตลอดเวลา เพราะทั้ง 2 พระองค์ ทรงมีพระเมตตาแก่ผม ในห้องพักของผมก็มีพระบรมฉายาลักษณ์ของทั้ง 2 พระองค์ ซึ่งทุกคืนก่อนจะนอนผมจะกราบไปที่พระบรมฉายาลักษณ์ของท่าน และก็สวดมนต์ทุกคืน ถึงแม้ผมจะอ่านหนังสือไม่ค่อยออก ก็พยายามสวดมนต์"

 

ผมกัดฟันผ่อนรถแท็กซี่คันที่ใช้หากินนี้ มาได้ถึง 5 ปี แล้ว เหลืออีกแค่ประมาณ 2 ปี กว่าๆ ก็จะผ่อนหมด ซึ่งหากผ่อนรถได้หมดครอบครัวก็คงสบายขึ้น

คนขับแท็กซี่สู้ชีวิต เล่าต่อว่า จริงๆ ตอนก่อนรักษา จำได้ว่า ตัวเองไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไรเลย แต่พอหลังรักษา มาตรวจพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคเบาหวาน เพิ่มเข้าไปอีก ก็เลยต้องทำใจ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร

ปัจจุบัน มีลูก 4 คน โดยคนโตเกิดกับภรรยาคนแรก ซึ่งปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว อายุ 22 ปี ส่วนคนเล็ก เกิดกับภรรยาคนใหม่ อายุได้ 8 ปี ขณะที่อีก 2 คน เป็นลูกติดของภรรยา อย่างไรก็ดี ด้วยภาระหน้าที่และการงานที่ทำ ทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกันกับครอบครัว เพราะภรรยาต้องไปทำงานบ้าน จึงพักอยู่กับเจ้านาย ส่วนลูกก็ส่งไปให้แม่กับน้องสาวเลี้ยงที่บ้านนอก ทำให้ตัวเองต้องไปเช่าบ้าน แถววุฒากาศ 57 อยู่คนเดียวลำพัง

 

ครอบครัวของชายคนขับแท็กซี่สู้ชีวิต

 

ปัจจุบันเช่าบ้าน แถววุฒากาศ 57

ส่วนรายได้จากการขับแท็กซี่นั้น ไม่แน่นอน เต็มที่ที่สุดวันนึงได้ประมาณ​ 1 พันกว่าบาท หักค่ากิน ค่าแก๊ส ค่าผ่อนรถที่ต้องเตรียมไว้เดือนละ 21,000 บาทต่อเดือน และเงินเดือนที่ต้องส่งไปให้แม่ที่ฝากให้ช่วยเลี้ยงลูก ก็เหลือเงินอีกเล็กน้อย แต่ก็ได้อาศัยความพอเพียง กินอยู่ให้ง่ายและประหยัดที่สุดเข้าสู้ ทำให้สามารถกัดฟันผ่อนรถแท็กซี่คันที่ใช้หากินนี้ มาได้ถึง 5 ปีแล้ว เหลืออีกแค่ประมาณ 2 ปี กว่าๆ ก็จะผ่อนหมด ซึ่งหากผ่อนรถได้หมดครอบครัวก็คงสบายขึ้น

อยากฝากอะไรถึงผู้โดยสาร ที่รู้สึกเกรงกลัว จนไม่กล้าจะใช้บริการไหม?

ผมอยากบอกว่า…ถึงแม้ผมจะหน้าตาเป็นแบบนี้ แต่ผมก็คิดแต่จะสร้างแต่ความดี ผมไม่เคยคิดชั่วร้ายอะไรกับผู้โดยสารทุกคน เพราะคนเรารู้แต่วันเกิด แต่วันตายเราไม่รู้ ผมรักทุกคน แม้ว่าจะมีบางคนเกลียดผมก็ตาม และในทุกครั้งที่ให้บริการ ผมจะกล่าวคำว่า ขอบคุณกับผู้โดยสารทุกๆ คน เพราะผมระลึกเสมอว่าผู้โดยสารคือผู้ที่ให้โอกาสและชีวิตที่ดีขึ้นกับผม ที่ผ่านมาส่วนตัว เชื่อมาโดยตลอดว่า การทำความดีแม้แต่เพียงเล็กน้อยนั้น แม้ไม่มีใครเห็น แต่ผมเชื่อว่า อย่างน้อยตัวเราก็เห็น

ศ.นพ.จรัญ มหาทุมะรัตน์ หัวหน้าศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ว่า ได้เป็นแพทย์ที่รักษาให้กับเขาเอง โดยเขาได้มารักษาที่ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ โดยเป็นศูนย์แก้ไขความพิการบนใบหน้าและศีรษะของ รพ.จุฬาลงกรณ์ ของสภากาชาดไทย ซึ่งศูนย์แห่งนี้รักษาให้ฟรี โดยที่ผ่านมาไม่มีใครกล้ารักษาให้ เขาเองมีอาชีพขับแท็กซี่ที่ สุวรรณภูมิ คนที่มาใช้บริการพอเห็นหน้าเขาก็ไม่กล้าที่จะขึ้นรถ ทำให้เขาประกอบอาชีพไม่ได้ เพราะกระดูกที่งอกออกมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน จนกระทั่งเขามารักษาที่ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ ซึ่งได้มีการรักษาผ่าตัดให้ 3-4 ครั้งแล้ว ในตอนแรกบริเวณใบหน้าเขามีทั้งเนื้องอก และกระดูกงอก เนื้อตรงบริเวณคางใหญ่มาก โหนกแก้มข้างจมูก ก็มาก ทำให้หายใจลำบาก เมื่อมีการผ่าตัดเสร็จทำให้อาการเขาดีขึ้นมาก แล้วกลับไปประกอบอาชีพได้

 

คนขับแท็กซี่สู้ชีวิต วัย 51 ปี

“เวลาเขาเข้ามาหา เขาก็จะเข้ามากราบผมทุกครั้ง เพราะสำนึกในบุญคุณ วันหนึ่ง สมเด็จพระเทพฯ ได้เดินทางมาเปิดศูนย์ดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็มีคนไข้จากหลายๆ ส่วน หลายคน มาเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้ได้เข้าเฝ้าฯ อุปนิสัย เป็นคนเรียบร้อยมาก เขาเรียกผมว่า อาจารย์จรัญ มาทุกครั้งจะเข้ามากราบ บอกถึงขนาดว่าอยากจะไปบวชอุทิศส่วนกุศลให้กับผม” ศ.นพ.จรัญ กล่าว

ตอนนี้ทางศูนย์มีโครงการผ่าตัดเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระชนมายุครบ 5 รอบ โดยจะช่วยเหลือให้กับผู้ป่วย 200 ราย โดยไม่คิดมูลค่า โดยให้ค่ารักษา ค่าที่พักด้วย โดยค่าใช้จ่ายที่ศูนย์รับผิดชอบ รายละประมาณ 7-8 หมื่นบาท เนื่องจากเป็นการผ่าตัดใหญ่ ทั้งนี้ ผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคได้ โดยสอบถามได้ที่หมายเลข 02-256-4330.

หางานตามสาขาอาชีพ

JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved

jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด DBD

Top