ผู้สมัครงาน
โอกาสพิเศษในครั้งนี้ JOBBKK.COM ได้เข้าร่วมฟังบรรยายออนไลน์ในงาน “บัณฑิตดีเด่นนักปฏิบัติ” มทร.ตะวันออก วิทยาเขตจักรพงษภูวนารถ โดยคุณเกรท ปรมะ ตันเดชาวัฒน์ ประธานกรรมการบริษัทซิมเปิลเซนส์ ,Somsri Global Tech และอาจารย์พิเศษ คณะการสร้างผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ บรรยายในหัวข้อ Key to Success Life and Work ทำยังไงให้สำเร็จ ? ซึ่งคุณเกรทก็ได้ให้แนวคิดสำคัญมากมายที่ไม่มีในห้องเรียน ไม่มีในตำราไหนแน่นอน
ต้องบอกเลยว่า ถ้าอยากเจอ 1 เรื่องเจ๋งสุดของตัวเอง มาเริ่มค้นหาตอนนี้ได้เลย และถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในชีวิตตลอดกาล ต้องห้ามพลาดบทความนี้ครับ !!
ความสำเร็จในเบื้องต้น มันคือเรื่องง่าย ๆ
ถ้าเราไม่เลือกทางเดินของตัวเอง เราไม่มีทางสำเร็จเรื่องอะไรได้เลยแม้แต่เรื่องกินข้าว ถ้ายังเลือกเองไม่ได้ว่าจะกินกะเพราหรือกินอะไร ต้องให้เพื่อนช่วยคิด ต้องให้เด็กเสิร์ฟมาบอก หรือต้องให้พ่อแม่บอกว่าต้องกินอะไรทุกวัน คุณจะไม่มีทางหาสิ่งที่ชอบได้ด้วยตัวเองเลย
Rule of One คือ Code of Success
กฎของเลข 1 จะมีอยู่ 3 ข้อ ครับ
ข้อแรก ผลลัพธ์จากสิ่งที่ทำจะสำเร็จแค่ 1% เสมอ
ผมยกตัวอย่าง เป้าหมายของผม คือสร้างอาชีพให้คน 1 ล้านคน เพราะที่ผ่านมา จากการที่ผมร่วมงานกับคนมาเป็นแสนคน สิ่งที่เห็นคือ คนที่สำเร็จมันมีแค่ไม่เกิน 1% ไม่นับคนที่เอาตัวรอดแบบปกตินะครับ ฉะนั้น ถ้าผมตั้งเป้าหมายช่วยคนในจำนวนน้อย มันก็จะได้ Impact น้อย สมมติช่วยแบบ Consult 1ต่อ 1 รับฟังแค่ปัญหาแล้วก็บอกคุณ แต่สุดท้ายคุณจะทำรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมเลยเลือกช่วยไปเลย 1 ล้านคน เพื่อต้องการให้หมื่นคนเห็น แล้วจะมีประมาณ 1 พันคนที่จะทำตัวเองให้สำเร็จ และ 1 พันคนนั้นจะมีพลังมากพอแล้วสามารถไปช่วยคนอื่นต่อได้อีก
อย่างเวลาเขาเชิญผมไปบรรยาย 1,600 คนในห้องประชุม ก็จะมีไม่เกิน 10 คนที่เข้ามาถามหรือ Participation ว่าทำยังไงให้ชีวิตเขาสำเร็จ เพื่อที่เขาจะได้เอาไปลงมือทำ แต่นอกนั้นก็มาแค่นั่งฟังเฉย ๆ ให้เวลามันผ่านไป ซึ่งมันเสียเวลามาก ถ้าคุณทำแบบนั้น
ที่สำคัญ ผมแคร์เฉพาะคนที่แคร์เรา เพราะไม่งั้นชีวิตผมจะเดินไม่ได้ ซึ่งจริง ๆ ก็คือ ผมหา 1% นั่นแหละ เพราะมันมีแค่นี้
คุณลองถามตัวเองดูว่า สุดท้ายแล้ว คุณอยากเป็น 1% ซึ่งเป็นคนดีและคนเก่งที่จะช่วยคนอื่นต่อได้ ซึ่งมันยากมากคนแบบนี้ผมเรียกว่า Success Person หรืออยากจะเป็น 20% ที่พอจะสำเร็จ แต่รอดไม่รอดไม่รู้ แล้วจะช่วยคนอื่นได้รึเปล่าก็ไม่รู้
ข้อสอง ต้องเป็น The First
ทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองมีความแตกต่างและต้องเห็นตัวเองให้ชัดที่สุด
ผมยกตัวอย่าง ตอนเรียนคุณอยากเป็น Number One ในนั้น แต่คุณมองไม่ออกว่าในอนาคตคุณจะเป็นคนยังไง คุณก็ได้แค่แข่งขันให้ชนะในเกมแล้วได้เกียรตินิยมออกมา
แต่ถ้าระหว่างเรียน คุณถามตัวเองด้วยว่า อะไรที่ฉันจะทำ เพื่อคนอื่นด้วย แล้วฉันจะ Success ใน 1% มันจะตอบโจทย์ทั้ง 2 อย่าง ฉะนั้น ต่อให้คุณเรียนเก่ง หรือรวยที่สุด อย่างเพื่อนผมที่ตื่นมาก็มีธุรกิจ 3 หมื่นล้าน ไม่ต้องทำอะไร แต่เขาก็ไม่ได้เป็น The First ในใจของครอบครัว เพราะมันไม่เคยถูกพิสูจน์
ข้อสาม ลงมือทำ 1 Thing
ผมยกตัวอย่าง มีรายการสารคดีนึงเกี่ยวกับชีวิตสัตว์ เขาเลือกถ่ายตอนกลางคืน แต่จะเห็นเป็นสีสันเหมือนถ่ายตอนกลางวันนะ ผมกำลังจะบอกว่า ถ้าเรามองว่ามันเป็นสารคดีธรรมดาที่เห็นสีสัน แต่แค่ไปถ่ายตอนกลางคืน ก็เห็นว่าสิงโตมีสีส้ม ต้นไม้สีเขียว แต่เมื่อผมนั่งดูไปเรื่อย ๆ คุณรู้ไหมว่า สิงโตในตอนกลางวันกับตอนกลางคืน มันแตกต่างกันสิ้นเชิง
คุณเคยเห็นสิงโตตอนออกไปสร้างอาณาเขตพื้นที่ไหม ? แล้วรู้ไหมว่าตอนกลางคืน สิงโตตัวผู้ทำอะไร ?
ที่เราเคยได้ยินมา สิงโตตัวเมียจะออกไปล่าหาอาหาร ส่วนตัวผู้นอนอย่างเดียว แถมมีเมียหลายตัว แต่จริง ๆ ตัวผู้จะนอนและเล่นในตอนกลางวัน แต่พอกลางคืน ตัวเมียจะอยู่กับลูก ส่วนตัวผู้จะเดินรอบ ๆ อาณาเขต ให้เมียทั้งหลายอยู่ตรงจุดศูนย์กลาง แล้วเดินออกไปในรัศมีประมาณ 7 กม. จากนั้นจะร้องเสียงดังเพื่อสร้างอาณาเขตให้สัตว์อื่นได้ยินว่า ฉันอยู่ตรงนี้ ห้ามเข้ามาในเขตของครอบครัวฉัน ซึ่งเสียงของมันก็ไกลอย่างน้อย 10 กม. แล้วมันจะร้องจนกว่าเสียงหมด อย่างน้อยก็ประมาณ 7 ชม. ให้สัตว์รอบ ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ในรัศมีเลย
เห็นไหมครับ แค่เรื่องเรื่องเดียว ทำให้ Unseen ทุกอย่างเปลี่ยนวิธีคิดหมดเลย
อย่าพยายามหาจุดดีอะไรเยอะ ๆ แล้วก็หาจุดเสียของตัวเองให้เยอะขึ้นไปอีก เอามาแค่เรื่องเดียวที่เจ๋งจริง
เหมือนกล้องที่ถ่ายตอนกลางคืนแค่เรื่องเดียว แต่ถ่ายทอดมันออกมาให้เป็นประโยชน์ ใครเห็นก็รู้สึกว้าวทันที หรือสิงโตตัวผู้ ใช้เสียงแค่เรื่องเดียว แต่สร้างอาณาเขตให้ครอบครัวได้ 20 กม.
อีกอย่างคือ ชีวิตคนเราต้องช่างสังเกต ยิ่งคุณแก่ คุณจะยิ่งขาดการสังเกตรายละเอียดของโลก แต่ถ้าคุณทำตัวเหมือนเด็กช่างสงสัยเพื่อเรียนรู้ตลอดเวลา อายุจะไม่ใช่ปัญหา แล้วคุณจะมีรายละเอียดที่ทำให้สำเร็จได้มากกว่าคนอื่นเยอะเลยครับ
“ความสำเร็จสำหรับผม เป็นแค่การทดลองเท่านั้น”
คือ เริ่มจากตั้งเป้าหมายว่าจะเอาอะไรแล้วลงมือทำ และเมื่อมันสำเร็จแล้ว เราต้องไม่อยู่จุดเดิม ต้องพัฒนาออกแบบเป้าหมายใหม่ให้ตัวเอง แล้วลงมือทดลองทำมันไปเรื่อย ๆ แต่อย่ากลัวที่จะต้องเจอคำว่า Fail สำหรับผมมีแค่อย่างเดียวเลย Never give up อย่ายอมแพ้
คนส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าทำยังไงให้ชีวิตตัวเองสำเร็จ ยกตัวอย่าง อยากเรียนให้ได้เกรดสูง จริง ๆ มันไม่ยากนะ เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าต้องทำยังไง ... อ่านหนังสือเยอะ ๆ ,ตั้งใจฟังอาจารย์ ,ทำการบ้านส่งให้ครบ คำถามคือ ทำไมทำไม่ได้ ก็เพราะเราเลือกที่จะไม่ทำ ทั้งที่รู้แล้ว แต่นิ่งเฉย นั่นคือปัญหาของมวลมนุษยชาติเลยครับ
อ่านบทความ “ความสำเร็จ” เป็นแค่ “การทดลอง” ? เพิ่มเติมได้ที่ https://jobbkk.com/go/RimFj
ชัยชนะของคนโง่
บางครั้งเราต้องยอมเป็นคนโง่ ทำสิ่งโง่ ๆ อย่างเป้าหมายของเรา บางคนอาจบอกว่าเราทำไม่ได้ บอกว่าเราโง่ แต่วันนึง ชัยชนะของคนโง่มันมีจริง
ครั้งนึงตอนผมอยู่บันได BTS สยาม เห็นคนนึงเดินเหมือนเป็นคนตาบอด และเขากำลังจะเดินชน ผมก็รีบวิ่งกระโดดข้ามบันไดมาช่วยเขา พอคุยไปก็มารู้ว่า มันเป็นการถ่ายรายการนึงที่เหมือนแบบแกล้งคน ผมก็คิดว่า ไม่เป็นไร เขาไม่ตาบอดก็ดีแล้ว แต่จริง ๆ สำหรับรายการนี้ ผมก็อาจดูเป็นตัวตลก แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คลิปนี้ก็มีบางคนมาคอมเมนต์ว่าผม Fake บางคนก็ชมว่า ชอบจัง อุตส่าต์วิ่งลงมาช่วยเลย
สำหรับเรื่องนี้ สิ่งที่ผมอยากบอกคือ อย่าไปคิดเยอะถ้าคุณจะทำประโยชน์ให้คน เพราะมันจะมีทั้งคนที่ด่าและชมคุณอยู่ดี แต่ให้เลือกแคร์เฉพาะคนที่เขาแคร์คุณก็พอแล้วครับ
สำหรับผม ถ้าเจอคนที่ลำบาก ผมจะไม่ใช้สมอง ถ้าอยากจะช่วยก็ช่วยเลย และหลาย ๆ เรื่อง แค่รู้ว่าเป็นประโยชน์ผมก็ทำเลย ผมจะไม่ใช้หัวคิดมาก ฉะนั้น ต้องลองเป็นคนโง่บ้าง ผมว่ามันก็ไม่เสียหายนะครับ
Credit : คุณเกรท ปรมะ ตันเดชาวัฒน์
FB : เกรทปรมะ - Prmagreat
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด