ผู้สมัครงาน
อันดับแรกต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าในแต่ละวันนั้นพี่ ๆ HR จะได้รับเรซูเม่สมัครงานที่เยอะมาก ๆ เป็นหลายร้อยฉบับ นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะต้องเลือกเรซูเม่ที่มีความโดดเด่นและสถาบันการศึกษาเป็นหลักฉะนั้น การทําเรซูเม่ สมัครงาน ของ เด็กจบใหม่ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากเนื่องจาก HR แต่ละคนจะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นในการพิจารณาเรซูเม่เบื้องต้นว่าจะอ่านต่อหรือปัดตก แล้วเรซูเม่แบบไหนที่จะดึงดูดความสนใจสร้าง First Impression ให้กับพี่ HR ได้บ้างซึ่งในวันนี้ทาง JOBBKK จะพามาแก้ปัญหาของเด็กจบใหม่ผ่านเทคนิคการเขียนเรซูเม่อย่างไรให้โดนใจ HR
เทคนิคการเขียนเรซูเม่ในส่วนข้อมูลจะต้องครบถ้วน น้อง ๆ เด็กจบใหม่จะต้องแสดงความตั้งใจและจริงใจในการสร้างเรซูเม่ของเรา จะต้องทำให้พี่ HR รู้จักเราได้ระดับนึง และอยากรู้จักเรามากขึ้นซึ่งข้อมูลในนั้นจะต้องประกอบไปด้วย
- ชื่อ-สกุล
- เบอร์โทรศัพท์
- e-mail (ชื่อแบบทางการ)
- อายุ
- วัน/เดือน/ปีเกิด
- ที่อยู่ปัจจุบัน
- รูปถ่ายสุภาพ (ย้ำว่าเป็นรูปถ่ายสุภาพ) รูปถ่ายสุภาพควรจะเป็นรูปหน้าตรง เห็นหน้าชัด อมยิ้มได้ และแต่งกายด้วยชุดสุภาพ ข้อมูลต้องครบถ้วนถูกต้องชัดเจน
เทคนิคการเขียนเรซูเม่ประวัติการศึกษา ลำดับแรกเริ่มจากเลือกใส่วุฒิการศึกษาล่าสุด บอกชื่อสถาบันการศึกษา คณะ/สาขา เกรดเฉลี่ย ถ้ามีเกียรตินิยมด้วยจะดีมาก น้อง ๆ ให้ใส่เข้าไปได้เลย แต่ขอแนะนำว่า หากใครที่เกรดเฉลี่ยน้อยกว่า 2.75 อยากให้ละเว้นไว้ในส่วนนี้ก่อน
เทคนิคการเขียนเรซูเม่ส่วนนี้ต้องระบุตำแหน่งงานให้ชัดเจน เด็กจบใหม่จะต้องระบุชื่อตำแหน่งงานให้ชัดเจนนั่นก็ คือ ชื่อเฉพาะเจาะจงของสาขาอาชีพนั้น ควรบอกอย่างชัดเจน เช่น วิศวกรไฟฟ้า พนักงานบริษัทแผนกประชาสัมพันธ์ อย่าระบุกว้าง ๆ เช่น พนักงานทั่วไป พนักงานออฟฟิศหรือพนักงานเฉย ๆ ซึ่งจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้สมัครไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเอง พี่ HR ก็จะมองว่า ผู้สมัครไม่รู้ความสามารถของตัวเองในด้านต่าง ๆ ซึ่งในส่วนนี้จะต้องระบุในส่วนของเงินเดือนที่ต้องการด้วย โดยจะต้องบอกให้ชัดเจนทั้งสองฝ่ายว่า ต้องการจำนวนขั้นต่ำหรือขั้นสูงสุดไว้เท่าไหร่
เทคนิคการเขียนเรซูเม่ในส่วนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการพิจารณาให้เรียกสัมภาษณ์ สำหรับน้องๆที่เพิ่งจบการศึกษา ถ้าน้องยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานน้อง ๆ ควรพิจารณาเพิ่มประสบการณ์การฝึกงาน เช่นการเป็นอาสาสมัครในกิจกรรมต่างๆ หรือการเข้ารับการอบรมที่ผ่านมาทั้งหมด ซึ่งจะช่วยสร้างเรซูเม่ให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นนะคะ อย่าลืมระบุชื่อบริษัทและปีที่ทำงานด้วย เพื่อให้เป็นไปตามความชัดเจนและครอบคลุมค่ะ
สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์
เทคนิคการเขียนเรซูเม่ในกรณีของผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน ควรจัดวางข้อมูลที่สำคัญก่อน อย่างเช่นประวัติการทำงานล่าสุดและประวัติการทำงานย้อนหลังไม่เกิน 10 ปี ระบุชื่อตำแหน่งและบริษัทที่ทำงานด้วยความชัดเจน ให้เน้นการเล่าประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับทักษะในตำแหน่งงานนั้น ๆ เช่นถ้าคุณสมัครตำแหน่ง Digital Marketing ที่ต้องอาศัยการคิดคอนเทนต์ คุณสามารถกล่าวถึงการสร้างสรรค์คอนเทนต์และการทำสื่อให้กับเพจคณะที่คุณเคยทำได้ อย่าลืมเล่าเรื่องราวของผลงานความสำเร็จของคุณด้วย เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณโดดเด่นกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ในตำแหน่งงานนั้น ๆ นะคะ
จากการสำรวจเรซูเม่ของน้อง ๆ ที่จบปริญญาตรี ใน 100 คน พบว่า มี 11% ไม่ระบุข้อมูลประสบการณ์ และสูงสุด 67% เขียนประสบการณ์มาจริงแต่ไม่ใส่รายละเอียด หรือเขียนมาสั้น ๆ จนไม่สามารถจับใจความสำคัญได้ ซึ่งควรใส่รายละเอียดให้ชัดเจนว่ามีประสบการณ์ฝึกงานทางด้านไหน ทำงานพิเศษเกี่ยวกับอะไร ใช้เครื่องมืออะไรได้ มีทักษะด้านภาษาอะไรบ้าง สามารถใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการทำงานได้กี่โปรแกรมระบุให้ชัดเจน และต้องเขียนความสามารถของตัวเองให้ครบถ้วนเพื่อแสดงทักษะความรู้ที่มีโดยให้เขียนออกมาเป็นลำดับข้อให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ HR ได้เห็นศักยภาพของน้อง ๆ ผ่านเรซูเม่
เทคนิคการเขียนเรซูเม่ในส่วนนี้แม้จะมีการจัดวางข้อมูลมาอย่างดีแล้ว แต่หากเลือกใช้ฟ้อนต์ผิดสามารถทำให้ HR ไม่ประทับใจ หรืออาจถูกมองข้ามได้ สำหรับฟอนต์ที่เหมาะสมในการทําเรซูเม่ให้น่าสนใจต้องเป็นฟอนต์ที่อ่านง่าย เช่น
ฟอนต์ที่เหมาะสำหรับการใช้ในงานเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ
- Calibri (ฟอนต์ภาษาอังกฤษ)
- Times New Roman (ฟอนต์ภาษาอังกฤษ)
- Arial (ฟอนต์ภาษาอังกฤษ)
- Georgia (ฟอนต์ภาษาอังกฤษ)
ฟอนต์ที่เหมาะสำหรับการใช้ในงานเกี่ยวกับภาษาไทย
- TH Sarabun New / PSK (ฟอนต์ภาษาไทย)
การเลือกตัวอักษรที่เหมาะสมเป็นเคล็ดลับสำคัญในการทำให้เรซูเม่ของคุณโดดเด่นและมืออาชีพมากยิ่งขึ้น คุณควรเลือกใช้เพียง 2 แบบอักษรเท่านั้นและควรหลีกเลี่ยงการใช้ฟอนต์การ์ตูน เพราะอาจทำให้เรซูเม่ของคุณอ่านยากและสับสนได้
1. ทักษะด้านความสามารถ (Hard Skill) เทคนิคการเขียนเรซูเม่ที่สำคัญอีกอย่าง คือ ทักษะด้านความสามารถ ตัวอย่างเช่น ทักษะการทำ Presentation Excel หรือการโปรแกรมตัดต่อต่างๆ โดยควรเลือกทักษะที่เราสามารถทำได้และตรงกับตำแหน่งงานนั้นๆเขียนไว้ข้างบน เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้สัมภาษณ์มองเห็นว่าคุณจะสามารถเข้าไปช่วยบริษัทได้จริง
2. ทักษะด้านอารมณ์ (Soft Skill) เทคนิคการเขียนเรซูเม่ที่ดีควรมีการระบุทักษะทางด้านอารมณ์ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณจะสมัครด้าน Marketing ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง คุณก็ควรจะมีทักษะด้านการสื่อสาร การทำงานเป็นทีม และความคิดสร้างสรรค์ เป็นต้น
สิ่งสำคัญที่เด็กจบใหม่ห้ามพลาด
หลังจากที่ได้รับเทคนิคการเขียนเรซูเม่ที่น่าสนใจแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายที่ไม่ควรมองข้ามคือการตรวจสอบและแก้ไขก่อนส่งเสมอนะคะ เพราะว่านี้เป็นโอกาสเดียวที่จะส่งเรซูเม่ไปยังบริษัทที่คุณอยากจะร่วมงานกับมัน และทำงานในตำแหน่งนี้ได้ เพราะถ้าคุณลืมระบุสิ่งใดหรือมีข้อมูลที่สำคัญขาดหายไป อาจจะทำให้คุณพลาดโอกาสที่ดีได้นะคะ ซึ่งถ้าคุณต้องการส่งอีกครั้ง มันก็จะแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพเช่นกัน ดังนั้นก่อนที่จะส่งเรซูเม่ทุกครั้งควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล การสะกดคำ และการเว้นวรรคให้ถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสที่จะได้รับการสัมภาษณ์จาก HR นะคะ ทั้งนี้การรับคนเข้าทำงานอาจมีหลายๆปัจจัย เช่น สภาพเศรษฐกิจ การแข่งขันในสายงานนั้น ๆ หรือแม้กระทั่งสถาบันที่จบมา แต่ถ้าตัวผู้สมัครหมั่นศึกษาหาความรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และมีเทคนิคการเขียน Resume ที่ดีก็จะสามารถทำให้คุณมีโอกาสได้งานไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ค่ะ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง : เด็กจบใหม่ควรเรียกเงินเดือนเท่าไร
หางานตามสาขาอาชีพ
JOBBKK.COM © สงวนลิขสิทธิ์ All Right Reserved
jobbkk มีเพียงเว็บเดียวเท่านั้น ไม่มีเว็บเครือข่าย โปรดอย่าหลงเชื่อผู้แอบอ้าง และหากผู้ใดแอบอ้าง ไม่ว่าทาง Email, โทรศัพท์, SMS หรือทางใดก็ตาม จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด